1. มกราคม
เทศกาล Up Helly Aa
เมืองเลอร์วิก (Lerwick) สกอตแลนด์
     เทศกาลไฟที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป เหมาะกับอากาศหนาวเย็นในเดือนมกราคม ชมขบวนพาเหรดคบไฟยิ่งใหญ่อลังการของนักรบโบราณท่าทางขึงขังและเรือไวกิ้งที่แห่ไปตามถนนใจกลางเมือง เทศกาลฉลองประเพณีไวกิ้งนี้ทั้งตื่นตาตื่นใจและน่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน

2. กุมภาพันธ์
เทศกาล Carnevale di Venezia (Carnival of Venice)
เมืองเวนิส อิตาลี
      งานคาร์นิวัลที่หรูหราที่สุดในโลกนี้มีระยะเวลา 10 วัน ชมการแสดงบนถนนและในโรงละครเก่าแก่ ขบวนพาเหรดของผู้คนในชุดย้อนยุคอลังการภายใต้หน้ากาก การแสดงพลุอันยิ่งใหญ่ และถ้าอยากเข้าถึงประสบการณ์เลิศหรูอย่างแท้จริง สามารถซื้อตั๋วเข้าร่วมงานเลี้ยงหน้ากากที่จัดขึ้นภายในพระราชวังได้

3. มีนาคม
เทศกาล St. Patrick’s
เมืองดับลิน ไอร์แลนด์
     ตลอด 4 วันของงานเฉลิมฉลองนี้เต็มไปด้วยความสนุกสนาน ทั้งขบวนพาเหรดคึกคัก งานแฟร์ และเบียร์กินเนส นักท่องเที่ยวสามารถเข้าร่วมเดินในพาเหรดได้ด้วย แต่ไม่ว่าจะเลือกเป็นคนดูหรือร่วมเดินขบวนพาเหรด อย่าลืมใส่เสื้อผ้าสีเขียวเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ

4. เมษายน
เทศกาล King’s Day (Koningsdag)
เมืองอัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์
      งานฉลองกษัตริย์ดัตช์นี้ถือเป็นการเลี้ยงส่งฤดูหนาวและต้อนรับอากาศอบอุ่นไปด้วยในตัว มองไปทางไหนจะเห็นแต่สีส้ม สีประจำราชวงศ์ดัตช์ เมืองทั้งเมืองจะเต็มไปด้วยงานปาร์ตี้สุดเหวี่ยงตามสไตล์ชาวดัตช์ ทั้งบนถนนและในเรือที่ล่องมาตามคลอง รวมถึงตลาดนัด และความสนุกสนานแบบโต้รุ่ง

5. พฤษภาคม
เทศกาล Stars of the White Nights
เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก รัสเซีย
      งานเทศกาลฤดูร้อนนี้ไม่ได้เป็นการเฉลิมฉลองเพียงครั้งเดียว แต่เป็นชุดกิจกรรมจำนวนมากที่จัดขึ้นเป็นเวลาหลายเดือน ชมขบวนพาเหรด การแสดงละครคลาสสิก โอเปร่า บัลเลต์ ดนตรี ฯลฯ ปาร์ตี้บนท้องถนน ไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้ก็คือการแสดงล่องเรือ Scarlet Sail สุดอลังการ มาที่นี่ครั้งเดียวคุณจะได้ชมและร่วมงานฉลองมากมาย

6. มิถุนายน
เทศกาล World Bodypainting
เมืองพอร์ทชา (Portschach) ออสเตรีย
      ชมศิลปะบนเรือนร่างอันน่ามหัศจรรย์ ศิลปินจากทั่วโลกจะมาโชว์ฝีมือการลงสีบนผิวหนังอันน่าตื่นตาตื่นใจ นอกจากนี้ยังมีเวิร์กช็อปสาธิตการถ่ายภาพ และถ้าโชคดี คุณอาจได้มีโอกาสเป็นแบบให้ศิลปินละเลงสีบนตัวด้วย

7. กรกฎาคม
เทศกาลดนตรี Tomorrowland
เมืองบูม (Boom) เบลเยียม
     เทศกาลดนตรีแนวอิเล็กทรอนิกส์นี้ได้ชื่อว่าเป็นแดนซ์ปาร์ตี้ที่มันส์ที่สุดในโลก คุณจะได้สนุกสุดเหวี่ยงไปกับดีเจยอดฝีมือ ท่ามกลางบรรยากาศในธีม เทพนิยายและธรรมชาติอันงดงามของเบลเยียม ที่สำคัญคืออย่าลืมซื้อตั๋วล่วงหน้า เพราะไม่มีตั๋วขายหน้างาน

8. สิงหาคม
เทศกาลปามะเขือเทศ (La Tomatina)
เมืองบุนยล (Buñol) สเปน
      ไม่มีใครทราบที่มาที่แท้จริงของเทศกาลนี้ แต่เชื่อว่าคนที่มาร่วมงานคงไม่ได้สนใจประวัติความเป็นมา ตราบใดที่ได้ร่วมสงครามมะเขือเทศ เตรียมเสื้อผ้าและอุปกรณ์ป้องกันตัวมาให้พร้อม ทางการเตรียมมะเขือเทศไว้ให้ฟรี พร้อมกฎที่ต้องปฏิบัติตาม

9. กันยายน
เทศกาล Festival Number 6
เมืองพอร์ทมีเรียน (Portmeiron) เวลส์
      ดนตรี ศิลปะ อาหาร และการเต้นรำคือสิ่งที่คุณจะได้พบในเทศกาลดนตรีสำหรับคนรุ่นใหม่นี้ สถานที่จัดงานในเมืองริมทะเลทำให้ได้บรรยากาศสบายกำลังดี มาซึมซับประสบการณ์นี้แล้วคุณอาจได้แรงบันดาลใจกลับไป งานนี้เป็นงานดนตรีเล็กๆ และมีผู้ร่วมงานไม่มากเกินไป เหมาะสำหรับสุดสัปดาห์ชิวๆ

10. ตุลาคม
เทศกาล Oktoberfest
เมืองมิวนิก เยอรมนี
     เทศกาลขวัญใจคอเบียร์อันโด่งดังทั่วโลก คุณจะได้ลิ้มลองเบียร์สัญชาติเยอรมันมากมายหลายยี่ห้อ นอกจากนี้ยังมีขบวนพาเหรดผู้ผลิตเบียร์ อาหาร ดนตรี และงานแฟร์สำหรับเด็กๆ อีกด้วย

11. พฤศจิกายน
เทศกาล Budapest Christmas Fair
เมืองบูดาเปสต์ ฮังการี
     สัมผัสบรรยากาศคริสต์มาสในเมืองที่มีอารยธรรมยาวนานอย่างบูดาเปสต์ งานนี้จัดตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึง 4 ทุ่ม โดยช่วงกลางวันจะเน้นกิจกรรมสำหรับเด็ก เช่น เครื่องเล่น การแสดงหุ่นมือ ในขณะที่กลางคืนจะมีกิจกรรมที่ผู้ใหญ่ชื่นชอบ เช่น การแสดงคอนเสิร์ต

12. ธันวาคม
เทศกาล Burning the Clocks
เมืองไบรท์ตัน (Brighton) อังกฤษ
      เทศกาลศิลปะและโคมไฟนี้จัดขึ้นเพื่อฉลองเทศกาลวันหยุดสำหรับผู้คนทุกศาสนา ไม่เพียงเฉพาะชาวคริสต์ และมีแนวคิดในการใช้ศิลปะเป็นตัวเชื่อมโยงคนในชุมชนเข้าด้วยกัน ในงานมีขบวนแห่โคมไฟที่ผู้ร่วมเดินขบวนทำมาล่วงหน้าตามธีมที่กำหนดในแต่ละปี นักท่องเที่ยวสามารถซื้อชุดทำโคมไฟที่หน้างานเพื่อร่วมเดินขบวนพาเหรด